วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560

ประเภทของเรือสำราญ

รูปแบบการท่องเที่ยวทางเรือ เป็นแรงจูงใจอีกประเภทที่นักท่องเที่ยวบางกลุ่มชื่นชอบเป็นอย่างมาก ธุรกิจการท่องเที่ยวทางเรือจึงสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้อย่างหลากหลาย โดยแบ่งประเภทของเรือสำราญ ดังนี้
1.       World Cruise

การเดินเรือประเภทนี้จะเป็นการท่องเที่ยวรอบโลก เป็นการพักผ่อนสำหรับผู้ที่มีเวลา และความสามารถที่จะเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากได้ การบริการจะเป็นแบบส่วนตัว ชั้นหนึ่ง อาหารอย่างดี ค่าใช้จ่ายของการเดินทางประเภทนี้จะตกอยู่ประมาณ 1 ล้านบาท ถึง 6 ล้านบาท เป็นราคาสำหรับการเดินทางด้วยเรือ Queen Elizabeth 2 ด้วยเหตุที่ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวสูงมาก ทำให้ตลาดการท่องเที่ยวทางเรือรูปแบบนี้ค่อนข้างจำกัด

2.       Theme Cruise / Special-interest Cruise

การเดินทางประเภทนี้ ผู้ประกอบการต่างๆ พยายามที่จะมีการสร้างสรรค์กิจกรรมที่เป็นความสนใจเฉพาะ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่แตกต่างกันไป แบ่งได้เป็นหลายประเภท ได้แก่

-          เพื่อการสันทนาการพักผ่อน เช่น กีฬา เกมส์

-          เพื่อความบันเทิง เช่น กิจกรรมดนตรี โอเปร่า การแสดงละครและภาพยนตร์

-          เพื่อการศึกษา

-          เพื่อมุ่งเน้นด้านสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย

-          เพื่อมุ่งเน้นกิจกรรมที่เป็นงานอดิเรก

นอกจากนี้ยังมีอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งบางบริษัทที่ขนาดเล็ก จะจัดกิจกรรมการเดินทางเพื่อการผจญภัย และเป็นแบบวิชาการเสริมความรู้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นนักวิชาการ หรือนักเรียน นักศึกษา เพื่อที่จะศึกษาประวัติศาสตร์ สัตววิทยา พฤกษศาสตร์ โบราณคดี มนุษยวิทยา เป็นต้น

3.       Freighter Cruise

เรือประเภทนี้เป็นเรือบรรทุกสินค้า ที่จัดบริการที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นอีกทางเลือกของนักเดินทางที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายจากเส้นทางเดินเรือโดยทั่วไป แต่จะมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพราะหากนักท่องเที่ยวมีเป็นจำนวนมากเกินไป จะต้องมีการจัดแพทย์ประจำเรือส่วนมากจะไม่เกิน 12 คนเท่านั้น ส่วนลักษณะของที่พักที่จัดไว้สำหรับบริการ จะมีลักษณะที่คล้ายกับเรือสำราญทั่วๆไป ส่วนในเรื่องของราคานั้นจะอยู่ในระดับปานกลาง ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกหรือความบันเทิงต่างๆ จะจัดให้เท่าที่สามารถทำได้ เพราะจุดประสงค์ก็เพื่อตอบสนองนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัย ดังนั้นจะไม่เน้นความสะดวกสบายเท่าใดนัก

4.       River Cruise

สำหรับเรือประเภทนี้ก็มีลักษณะทั่วๆไปที่คล้ายกับเรือที่กล่าวมาข้างต้น นั่นคือจะเป็นการนำนักท่องเที่ยวไปชื่นชมกับบรรยากาศของเรือที่กำลังแล่นผ่านเส้นทางน้ำต่างๆ ที่ต่างๆ ระหว่างการเดินทางบรรยากาศจะเงียบสงบ ปราศจากสิ่งรบกวน

5.       Yacht Charter

สำหรับการเดินทางประเภทนี้ จะเดินทางด้วยเรือยอร์ช เป็นเรือที่ไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวเช่าเพื่อเดินทางท่องเที่ยวได้ตามความต้องการ ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกัน

ประเภทแรก กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เช่าเรือจะเป็นผู้กำหนดเส้นทางเดินเรือด้วยตนเอง ไม่มีลูกเรือประจำบนเรือ นักท่องเที่ยวจะเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์เป็นลูกเรือหรือทหารเรือมาก่อน

ประเภทที่สอง นักท่องเที่ยวจะเช่าเพื่อเดินทางเป็นกลุ่ม และจะตัดสินใจเลือกเส้นทางการเดินเรือด้วยตนเอง แต่จะมีลูกเรือเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่บนเรือ

6.       Point-to-Point Crossing

เรือประเภทนี้รู้จักในนาม เรือข้ามฟาก เพื่อบริการแก่นักเดินทางที่ต้องการเดินทางระยะไกล แต่ในขณะเดียวกันนั้นการเดินทางโดยเครื่องบินก็มีความสะดวกและรวดเร็วกว่าการเดินทางทางเรือ แต่ข้อได้เปรียบของเรือก็มีเช่นกัน นั่นคือ

-          เป็นการตอบสนองแก่นักเดินทางที่ไม่ชอบการเดินทางด้วยเครื่องบิน

-          ผู้โดยสารสามารถที่จะขนสัมภาระสิ่งของได้มากกว่าทางเครื่องบิน

-          ถ้านักเดินทางมีสิ่งของที่มีขนาดใหญ่ การเดินทางทางทะเลระยะไกล สิ่งสำคัญคือนักท่องเที่ยวต้องมีการวางแผนเรื่องเวลาด้วย เนื่องจากการเดินทางอาจล่าช้ากว่ากำหนดได้

-          ข้อได้เปรียบในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ประหยัด


แหล่งอ้างอิง : พชรมน วิภาตนาวิน. (2558). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการเรือสำราญทานอาหารค่ำชมทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร. คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร. ค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2560, จาก http://www.info.ms.su.ac.th/sums02/PDF01/2558/GB/48.pdf