1. World Cruise
การเดินเรือประเภทนี้จะเป็นการท่องเที่ยวรอบโลก เป็นการพักผ่อนสำหรับผู้ที่มีเวลา และความสามารถที่จะเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากได้ การบริการจะเป็นแบบส่วนตัว ชั้นหนึ่ง อาหารอย่างดี ค่าใช้จ่ายของการเดินทางประเภทนี้จะตกอยู่ประมาณ 1 ล้านบาท ถึง 6 ล้านบาท เป็นราคาสำหรับการเดินทางด้วยเรือ Queen Elizabeth 2 ด้วยเหตุที่ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวสูงมาก ทำให้ตลาดการท่องเที่ยวทางเรือรูปแบบนี้ค่อนข้างจำกัด
2. Theme Cruise / Special-interest Cruise
การเดินทางประเภทนี้ ผู้ประกอบการต่างๆ พยายามที่จะมีการสร้างสรรค์กิจกรรมที่เป็นความสนใจเฉพาะ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่แตกต่างกันไป แบ่งได้เป็นหลายประเภท ได้แก่
- เพื่อการสันทนาการพักผ่อน เช่น กีฬา เกมส์
- เพื่อความบันเทิง เช่น กิจกรรมดนตรี โอเปร่า การแสดงละครและภาพยนตร์
- เพื่อการศึกษา
- เพื่อมุ่งเน้นด้านสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย
- เพื่อมุ่งเน้นกิจกรรมที่เป็นงานอดิเรก
นอกจากนี้ยังมีอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งบางบริษัทที่ขนาดเล็ก จะจัดกิจกรรมการเดินทางเพื่อการผจญภัย และเป็นแบบวิชาการเสริมความรู้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นนักวิชาการ หรือนักเรียน นักศึกษา เพื่อที่จะศึกษาประวัติศาสตร์ สัตววิทยา พฤกษศาสตร์ โบราณคดี มนุษยวิทยา เป็นต้น
3. Freighter Cruise
เรือประเภทนี้เป็นเรือบรรทุกสินค้า ที่จัดบริการที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นอีกทางเลือกของนักเดินทางที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายจากเส้นทางเดินเรือโดยทั่วไป แต่จะมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพราะหากนักท่องเที่ยวมีเป็นจำนวนมากเกินไป จะต้องมีการจัดแพทย์ประจำเรือส่วนมากจะไม่เกิน 12 คนเท่านั้น ส่วนลักษณะของที่พักที่จัดไว้สำหรับบริการ จะมีลักษณะที่คล้ายกับเรือสำราญทั่วๆไป ส่วนในเรื่องของราคานั้นจะอยู่ในระดับปานกลาง ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกหรือความบันเทิงต่างๆ จะจัดให้เท่าที่สามารถทำได้ เพราะจุดประสงค์ก็เพื่อตอบสนองนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัย ดังนั้นจะไม่เน้นความสะดวกสบายเท่าใดนัก
4. River Cruise
สำหรับเรือประเภทนี้ก็มีลักษณะทั่วๆไปที่คล้ายกับเรือที่กล่าวมาข้างต้น นั่นคือจะเป็นการนำนักท่องเที่ยวไปชื่นชมกับบรรยากาศของเรือที่กำลังแล่นผ่านเส้นทางน้ำต่างๆ ที่ต่างๆ ระหว่างการเดินทางบรรยากาศจะเงียบสงบ ปราศจากสิ่งรบกวน
5. Yacht Charter
สำหรับการเดินทางประเภทนี้ จะเดินทางด้วยเรือยอร์ช เป็นเรือที่ไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวเช่าเพื่อเดินทางท่องเที่ยวได้ตามความต้องการ ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกัน
ประเภทแรก กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เช่าเรือจะเป็นผู้กำหนดเส้นทางเดินเรือด้วยตนเอง ไม่มีลูกเรือประจำบนเรือ นักท่องเที่ยวจะเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์เป็นลูกเรือหรือทหารเรือมาก่อน
ประเภทที่สอง นักท่องเที่ยวจะเช่าเพื่อเดินทางเป็นกลุ่ม และจะตัดสินใจเลือกเส้นทางการเดินเรือด้วยตนเอง แต่จะมีลูกเรือเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่บนเรือ
6. Point-to-Point Crossing
เรือประเภทนี้รู้จักในนาม เรือข้ามฟาก เพื่อบริการแก่นักเดินทางที่ต้องการเดินทางระยะไกล แต่ในขณะเดียวกันนั้นการเดินทางโดยเครื่องบินก็มีความสะดวกและรวดเร็วกว่าการเดินทางทางเรือ แต่ข้อได้เปรียบของเรือก็มีเช่นกัน นั่นคือ
- เป็นการตอบสนองแก่นักเดินทางที่ไม่ชอบการเดินทางด้วยเครื่องบิน
- ผู้โดยสารสามารถที่จะขนสัมภาระสิ่งของได้มากกว่าทางเครื่องบิน
- ถ้านักเดินทางมีสิ่งของที่มีขนาดใหญ่ การเดินทางทางทะเลระยะไกล สิ่งสำคัญคือนักท่องเที่ยวต้องมีการวางแผนเรื่องเวลาด้วย เนื่องจากการเดินทางอาจล่าช้ากว่ากำหนดได้
- ข้อได้เปรียบในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ประหยัด
แหล่งอ้างอิง : พชรมน วิภาตนาวิน. (2558). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการเรือสำราญทานอาหารค่ำชมทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร. คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร. ค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2560, จาก http://www.info.ms.su.ac.th/sums02/PDF01/2558/GB/48.pdf